ข้อควรรู้ภาษีการรับมรดก

  • 0

ข้อควรรู้ภาษีการรับมรดก


Tags : 
ข้อควรรู้ภาษีการรับมรดก

1. ทำไมต้องมีการจัดเก็บภาษีการรับมรดก ?

ภาษีการรับมรดกช่วยสร้างความเป็นธรรมในสังคม โดยการลดความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ช่วยกระจายภาระภาษี หารายได้เข้ารัฐ และช่วยให้การใช้ทรัพยากรของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และโดยหลักการจะไม่กระทบต่อคนยากจน และคนที่มีฐานะปานกลาง

2. ภาษีกองมรดก กับ ภาษีการรับมรดก แตกต่างกันอย่างไร ?

“ภาษีกองมรดก” เป็นภาษีที่จัดเก็บจากกองมรดก ก่อนการแบ่งกองมรดกให้แก่ทายาท แต่ “ภาษีการรับมรดก” เป็นภาษีที่จัดเก็บจากผู้ที่ได้รับมรดก หลังการแบ่งมรดกให้แก่ทายาทตามจำนวนทรัพย์มรดกที่แต่ละคนได้รับ

3. ภาษีการรับมรดกเก็บจากใคร ?

ผู้ได้รับมรดก ที่เป็นบุคคลสัญชาติไทย ไม่ว่าเป็นบุคคลหรือนิติบุคคล คือทั้งตัวคนและบริษัท ห้างที่เป็นไทย หรือหากมิใช่สัญชาติไทยแต่ได้รับมรดกเป็นทรัพย์สินหรือมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย จะถูกจัดว่าเป็นผู้มีหน้าที่ต้องเสียภาษี

4. ภาษีการรับมรดกจัดเก็บในอัตราใด ?

ความรับผิดชอบในการเสียภาษีการรับมรดกเกิดขึ้นเมื่อผู้มีหน้าที่เสียภาษีแต่ละราย (เป็นลูก)ได้รับมรดกจากเจ้ามรดก (เช่น คุณพ่อเสียชีวิต) ไม่ว่าในคราวเดียวหรือหลายคราวรวมกันเกิน 100 ล้านบาท ให้เสียภาษีในส่วนที่เกิน 100 ล้านบาทนั้น โดยจะเสียภาษีในอัตรา ดังนี้

  • ร้อยละ 5 ของมูลค่ามรดกในส่วนที่ต้องเสียภาษี สำหรับกรณีที่ผู้รับมรดกเป็นบุพการี หรือผู้สืบสันดานของเจ้ามรดก (ผู้สืบสันดานนี้ไม่รวมถึงบุตรบุญธรรม)
  • ร้อยละ 10 ของมูลค่ามรดกในส่วนที่ต้องเสียภาษี สำหรับกรณีอื่นๆ เช่น ผู้รับพินัยกรรม เป็นต้น
  • ร้อยละ 0 หรือไม่ต้องเสียภาษีการรับมรดก สำหรับคู่สมรส หรือกรณีที่ยกให้เพื่อประโยชน์ในกิจการศาสนา กิจการศึกษา กิจการสาธารณประโยชน์ หรือหน่วยงานรัฐ หรือองค์กรระหว่างประเทศที่ทำเรื่องเหล่านี้ (ได้รับยกเว้น)

5. ทรัพย์มรดกประเภทใด ที่จะต้องเสียภาษีการรับมรดก ?

มรดกที่ต้องเสียภาษี มีทรัพย์สินทั้งหมด 5 ประเภท คือ

  • อสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ ที่ดิน สิ่งปลูกสร้างทั้งหลาย
  • หลักทรัพย์ตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์ เช่น หุ้น หุ้นกู้ หน่วยลงทุน ตราสารหนี้ ตราสารอนุพันธ์ต่างๆ
  • เงินฝาก หรือเงินอื่นใดที่มีลักษณะอย่างเดียวกัน
  • ยานพาหนะ ที่มีหลักฐานทางทะเบียน ได้แก่ รถ เรือ มอเตอร์ไซค์
  • ทรัพย์สินทางการเงินที่กำหนดเพิ่มขึ้นตามกฎหมายในอนาคต (ถ้ามี)
6. ราคาของทรัพย์มรดกจะใช้ราคาใด ?

การคำนวณมูลค่าของทรัพย์มรดก เวลาจะพิจารณาว่าถึง 100 ล้านบาทหรือไม่

  •  อสังหาริมทรัพย์ ใช้ราคาประเมินของกรมที่ดิน
  •  หลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ ให้ใช้ราคาปิด ณ สิ้นวัน ในวันที่ได้รับมรดก
  •  ทรัพย์สินอื่นให้เป็นไปตามกฎกระทรวงจะประกาศกำหนด
  • ถ้าต้องคำนวณเป็นเงินตราต่างประเทศ จะเป็นไปตามที่กรมสรรพากร ประกาศกำหนด
7. ผู้ที่ได้รับมรดกจะต้องเสียภาษีการรับมรดกเมื่อใด
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีการรับมรดกต้องยื่นแบบแสดงรายการ และชำระภาษีภายใน 150 วัน นับแต่วันได้รับมรดก ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่ เจ้าพนักงานจะดำเนินการประเมินภาษี เพื่อดูว่าจะต้องเสียเท่าไหร่ ให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี แต่หากมีเหตุจำเป็นและสมควร อาจจะเพิ่มเวลาได้ แต่ไม่เกิน 3 ปี ทั้งนี้ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีการรับมรดกมีสิทธิ์ขอผ่อนชำระภาษีการรับมรดกได้เป็นเวลาไม่เกิน 5 ปี
8. จะเริ่มมีการจัดเก็บภาษีการรับมรดกเมื่อใด ?
เริ่มบังคับใช้วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2559 (โดยทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา)
9. จะเกิดอะไรขึ้นหากเสียภาษีการรับมรดกไม่ครบถ้วน หรือไม่ยื่นแบบเสียภาษีการรับมรดก ?
  • เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินภาษี (1-3 ปี กรณียื่นแบบและ 10 ปี กรณีไม่ยื่นแบบ) และเรียกเก็บภาษีให้ครบถ้วน พร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม
  • หากไม่เสียภาษีตามกำหนด อธิบดีกรมสรรพากรมีอำนาจสั่งยึด อายัด และขายทอดตลาดทรัพย์มรดกโดยไม่ต้องขอศาล
10. การหลีกเลี่ยงภาษีการรับมรดกจะมีโทษหรือไม่ อย่างไร ?
การหลีกเลี่ยงภาษีการรับมรดก (เช่น จงใจยื่นข้อความเท็จ ใช้อุบายหลีกเลี่ยงภาษี) ถือเป็นความผิดอาญา จะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวรวมถึงผู้แนะนำหรือสนับสนุนให้บุคคลอื่นกระทำการเช่นว่านั้นด้วย
Credit : www.checkraka.com

Leave a Reply