การคิดต้นทุนในโปรแกรม FORMULA

การคิดต้นทุนในโปรแกรม FORMULA

วิธีการคิดต้นทุนในโปรแกรม FORMULA ได้พัฒนาให้รองรับหลักการทางบัญชี และปรับตัวให้ยืดหยุ่นกับ ลักษณะงานจริงๆ ของธุรกิจ (โดยเฉพาะในเมืองไทย) ที่ต้องมีการปรับตัวให้สอดคล้อง กับสิ่งแวดล้อมเฉพาะของแต่ละองค์การ.

วิธีการคิดต้นทุนในโปรแกรม FORMULA ได้พัฒนาให้รองรับหลักการทางบัญชี และปรับตัวให้ยืดหยุ่นกับลักษณะงานจริงๆ ของธุรกิจ (โดยเฉพาะในเมืองไทย) ที่ต้องมีการปรับตัวให้สอดคล้องกับสิ่งแวดล้อมเฉพาะของแต่ละองค์การ เช่น ลูกค้า , supplier และหน่วยงานราชการ เช่น สรรพากร เป็นต้น

ขอยกตัวอย่างง่ายๆ เมื่อบริษัทฯ ทำการซื้อสินค้า ก็จะบันทึก Invoice ซื้อ โปรแกรมทำการupdate ยอดสต๊อคในคลังสินค้าให้เพิ่มขึ้น ทำให้มีสินค้าสำหรับขายได้ แต่มีบ่อยครั้งที่ได้รับสินค้าแล้ว แต่ Invoice ซื้ออาจจะยังไม่สมบูรณ์ ต้องคืนกลับไปให้ supplier แก้ไขเสียก่อน หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เมื่อลูกค้าสั่งซื้อสินค้ามา บริษัทฯ จำเป็นต้องทำการขายไปก่อน แล้วจึงมาบันทึกเอกสารซื้อย้อนหลัง หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เมื่อพิมพ์รายงานสินค้าและวัตถุดิบ ซึ่งเป็นรายงานที่แสดงการเข้าออกของสินค้าในสต๊อค และต้นทุนของสินค้าในแต่ละวัน FORMULA จะทำการจัดลำดับการซื้อเข้าของ Invoice ซื้อให้ถูกต้องตามวันที่ซื้อสินค้า แม้จะมาบันทึกเอกสารซื้อนี้ภายหลังก็ตาม และทำการคำนวณต้นทุนให้ถูกต้องระดับรายการย่อยแบบ Weighted Moving Average ความสามารถนี้จะยิ่งเห็นประโยชน์ได้มากกับการบันทึกต้นทุนแบบ FIFO ( First in First out) ที่ต้องย้อนกลับไปหาต้นทุนสินค้าที่ซื้อมาก่อน เพื่อทำการตัดสต๊อคออกก่อนสินค้าที่ซื้อเข้ามาทีหลัง ยิ่งถ้าซื้อเข้ามานานแล้ว แต่เพิ่งขายออกไป ก็ต้องย้อนกลับไปคำนวณต้นทุนซื้อตามลำดับวันที่ให้ถูกต้องด้วย การคำนวณได้ละเอียดอย่างนี้ ช่วยได้มากโดยเฉพาะบริษัทฯ ที่มีรายการซื้อ-ขายหลายรายการ

การคำนวณต้นทุนแบบย้อนหลังได้ไม่จำกัดปีนี้ รวมถึงการคำนวณต้นทุนได้ละเอียดระดับรายการย่อย จึงแตกต่างจากการคิดต้นทุนแบบเหมา หรือถัวๆ เป็นก้อน ซึ่งถ้าใช้การคิดต้นทุนแบบเหมาๆ อาจทำให้ต้นทุนคลาดเคลื่อนได้ และหากมีรายการสินค้ามากๆ ความคลาดเคลื่อนในแต่ละรายการรวมๆ กันแล้ว ก็ทำให้ต้นทุนรวมคลาดเคลื่อนไปได้มาก (หากสินค้ามีมูลค่าต้นทุนต่อหน่วยสูง ก็จะทำให้มูลค่าต้นทุนรวมคลาดเคลื่อนมากขึ้นตามไปอีก)

FORMULA ถูกออกแบบมาให้คำนวณต้นทุนในระดับรายการย่อย ITEM ได้ถูกต้องตามจริง และทำให้มูลค่าต้นทุนในระบบสต๊อค ตรงกับในระบบบัญชีแยกประเภท หรือเรียกได้ว่าข้อมูลเดียวกัน เมื่อเรียกดูจากระบบที่เกี่ยวข้องจะมีความสอดคล้องกัน (Integrity) ตรงตามหลักการออกแบบฐานข้อมูลที่ดี นอกเหนือจากคุณสมบัติอีกหลายประการที่มีในโปรแกรม

BY SmartIdea